โรคสังข์ทอง Ectodermal dysplasias (ED) เป็นกลุ่มของความผิดปกติที่มีโครงสร้างที่เกิดจาก ectodermal อย่างน้อยสองโครงสร้าง – ผิวหนัง, ต่อมเหงื่อ, ผม, เล็บ, ฟันและเยื่อเมือก – พัฒนาอย่างผิดปกติ แต่ละคนที่มี dysplasia ของ ectodermal อาจมีข้อบกพร่องที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ในคนหนึ่ง เส้นผมและเล็บอาจได้รับผลกระทบ ในขณะที่อีกคนหนึ่งส่งผลต่อต่อมเหงื่อและฟัน แต่ละชุดค่าผสมถือเป็นประเภทที่แตกต่างกันของ ED
สภาพเป็นอยู่ตั้งแต่แรกเกิด แต่อาจตรวจไม่พบจนกระทั่งในวัยเด็กED เกิดจากยีนที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถสืบทอดได้ภายในครอบครัวที่มีความบกพร่องทางพันธุกรรม หรือสามารถเกิดขึ้นได้ในครอบครัวที่ไม่มีประวัติเป็นโรคนี้ED ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่อาการสามารถรักษาหรือจัดการได้
- โปลิโอ ไวรัสร้ายที่ทำลายระบบประสาท อ่านต่อได้ที่นี่
โรคสังข์ทอง และอาการของโรค
อาการของโรคสังข์ทองอาจแตกต่างกันไปตามบุคคล ขึ้นอยู่กับประเภทและอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ โดยอาการทั่วไปที่มักพบ มีดังนี้ผมบาง ผมสีอ่อน เส้นผมมีลักษณะหยาบ เปราะบาง ขาดง่าย ผมหยักหรือบิดเป็นเกลียวมีใบหน้าที่เป็นลักษณะเฉพาะ หน้าผากใหญ่ ดั้งจมูกยุบ ปากเชิด หูเล็กแหลมเล็บมือเล็บเท้าหนา
รูปร่างผิดปกติ ไม่แข็งแรง ยาวช้า สีเล็บเปลี่ยนแปลง บางรายอาจไม่มีเล็บ หรืออาจติดเชื้อที่โคนเล็บได้ง่ายมีจำนวนฟันน้อยกว่าปกติ และเคลือบฟันสึกกร่อน บางรายอาจมีฟันที่มีรูปร่างผิดปกติ เช่น ฟันชี้แหลม หรือเป็นรูปหมุด เป็นต้นผิวแห้ง สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีรอยด่างดำ บางรายอาจมีผิวสีแดงหรือน้ำตาล ผิวหนังบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้าหนา และอาจแห้งแตกจนมีเลือดออก
ซึ่งอาจทำให้มีผื่นหรือติดเชื้อได้ ตาแห้ง และมีการผลิตน้ำตาลดลง ร่างกายระบายเหงื่อได้น้อย ส่งผลให้ควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกายได้ไม่ดี จึงทำให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูงมากไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาอากาศร้อน หรือหลังจากออกกำลังกายมีความผิดปกติของการหลั่งสารคัดหลั่งในจมูกและปาก โดยอาจมีกลิ่นเหม็นจากการติดเชื้อในจมูกอย่างเรื้อรัง
โรคสังข์ทองเกิดจากความผิดปกติของเอ็กโทเดิร์ม (Ectoderm) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อชั้นนอกสุดของร่างกาย จึงทำให้เซลล์และเนื้อเยื่อบางชนิดมีการเจริญเติบโตผิดปกติ โดยโรคสังข์ทองแต่ละประเภทจะแตกต่างกันตามการกลายพันธุ์ของยีนที่อยู่ในแต่ละโครโมโซม ส่วนใหญ่โรคนี้จะถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่อาจเกิดขึ้นกับคนที่ไม่เคยมีประวัติโรคสังข์ทองในครอบครัวได้ในกรณีที่มีการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นเองเฉพาะบุคคล
เนื่องจากโรคสังข์ทองเป็นโรคที่มักถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม ดังนั้น หากเคยมีคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนวางแผนมีบุตร เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงของการเกิดโรคส่วนผู้ป่วยโรคสังข์ทองสามารถดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้อาการรุนแรงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้รักษาอุณหภูมิร่างกายไม่ให้เพิ่มสูงเกินไปอยู่เสมอ โดยควรใช้เครื่องปรับอากาศ หรืออาจดื่มน้ำเย็น แช่น้ำเย็น
และใช้สเปรย์น้ำหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ร้อน หรือการออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้อุณหภูมิในร่างกายสูงเกินไปหมั่นทำความสะอาดจมูกโดยใช้สเปรย์พ่นจมูก เพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหมั่นสังเกตอาการและทำความเข้าใจกับการทำงานของร่างกาย เพื่อหาวิธีดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม และรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการรุนแรง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
Credit แทงบอล
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *